4. Channels : ช่องทางนำสินค้าหรือบริการไปให้ถึงมือลูกค้า ข้อนี้จะทำให้เราได้คำนึงถึงว่าที่ผ่านมาเราใช้ช่องทางแนะนำตัวเองไปสู่ลูกค้าอย่างไร และสื่อต่างๆ ที่เราเลือกใช้นั้นเพียงพอหรือยัง หากยังไม่พอเราควรเลือกนำสื่อใดมาใช้ประชาสัมพันธ์เพิ่มอีก เพื่อให้การประชาสัมพันธ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
ตัวอย่าง เอ้จะมีหน้าร้านอยู่ในตัวเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา แต่นอกจากการเปิดร้านแล้ว ก็ยังมีการบริการนอกสถานที่ และได้ประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านสื่ออื่นๆ ที่พอจะทำได้เช่น เฟซบุ๊ก กลุ่มข่าวของจังหวัดอยุธยา และการมองหาตัวแทน (คนที่พาลูกค้ามาให้ที่ร้าน โดยมีค่าตอบแทนให้) ซึ่งเท่าที่ทำมาก็ถือว่ายังไม่สร้างการรับรู้มากเท่าที่ควร จึงมองหากลยุทธ์เพื่อเพิ่ม Channels ใหม่ๆ ดังนี้
กลยุทธ์ออฟไลน์ (หน้าร้าน)
- เมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการที่ร้าน จะฝากโบชัวร์กลับไปกับลูกค้าด้วย เพราะเชื่อว่าจะต้องมีคนรอบข้างทักเขาว่าไปทำอะไรที่ไหนมา และหากมีสื่อในมือลูกค้า ก็จะช่วยแนะนำต่อให้เราได้ง่าย
- มองหาพันธมิตรในละแวกใกล้เคียง เช่น ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย ร้านนวด ฯลฯ เพื่อฝากโบชัวร์หรือนามบัตรวางไว้ที่ร้านเขา
- ออกบูธ (เลือกเฉพาะที่ราคาค่าบูธถูกมากๆ หรือไม่ก็ฟรี) เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารอบนอกได้รู้จักร้าน
- ทุกครั้งที่มีให้บริการนอกสถานที่ จะติดโบชัวร์ไปด้วยจำนวนหนึ่งเสมอ เพื่อฝากให้ลูกค้าเราแจ้งข่าวต่อ หรือสามารถประชาสัมพันธ์ได้ทันทีเมื่อมีคนละแวกนั้นมาดูที่บ้านลูกค้า
กลยุทธ์ออนไลน์
- ประชาสัมพันธ์สื่อออนไลน์อื่นๆ นอกเหนือจากที่เคยใช้ เช่น อินสตาแกรม เว็บพันทิป ไลน์ และไลน์@ รวมถึงศึกษาวิธีการสร้างสื่อที่มีประสิทธิภาพ และนำวิธีใหม่มาปรับใช้กับสื่อออนไลน์ทั้งหมด
5. Revenue Streams : รูปแบบที่มาของรายได้ สำหรับเรื่องนี้คือ การถามตัวเองว่าเงินสามารถเข้าสู่ธุรกิจของเราได้ทางใดบ้าง ซึ่งการพิจารณารายได้ในแต่ละส่วนที่เข้ามา จะช่วยให้เราสามารถกำหนดทิศทางในการสร้างมูลค่าให้เหมาะสม รวมไปถึงสามารถแยกแยะกิจกรรมที่ดูแล้วไม่น่าจะก่อให้เกิดรายได้ให้เห็นได้เด่นชัดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับร้านสักคิ้วแล้ว รูปแบบการได้มาของรายได้จะไม่ค่อยมีความซับซ้อน นั่นคือ ส่วนใหญ่มาจากการให้บริการแบบคนต่อคน แต่หากร้านไหนมีรูปแบบรายได้อื่นปนอยู่ด้วย เช่น รายได้จากการสอน รายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการแบ่งพื้นที่ให้เช่าหน้าร้าน ฯลฯ ก็ต้องทำการลิสต์ข้อมูลออกมา แล้วพิจารณว่ารายได้เหล่านั้น เหมาะสม คุ้มค่า หรือเป็นประโยชน์หรือไม่ หากพบเจอว่ารายได้ดังกล่าวไม่เด่นชัด หรือไม่ก่อประโยชน์ที่คุ้มค่า ก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในแหล่งที่มาของรายได้นั้นเสียใหม่นะคะ ในทีนี้สำหรับตัวเอ้เองไม่ได้มีรายได้อื่นใดนอกจากค่าบริการสักคิ้วโดยตรง จึงไม่มีตัวอย่างในเรื่องการใช้กลยุทธ์สำหรับหัวข้อนี้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรทางธุรกิจสามารถออกได้เป็น 4 กลุ่ม โดยเราอาจพิจารณาว่าขณะนี้เรามีพันธมิตรประเภทใดบ้างอยู่แล้ว และมีประเภทอื่นๆ ที่เราควรออกไปทำความรู้จักเพิ่มหรือไม่
* พันธมิตรที่ไม่ใช่คู่แข่ง เช่น ร้านกาแฟ ที่ตั้งใกล้ๆ ร้านเรา
* พันธมิตรที่เป็นคู่แข่ง คือ ร้านสักคิ้วเหมือนเรา แต่อยู่ในพื้นที่อื่นที่ไกลออกไป
* พันธมิตรที่รวมกันแล้วเกิดเป็นธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจทำเล็บที่มีบริการแบบเดลิเวอรี่
* พันธมิตรแบบต้องพึ่งพากันจึงจะอยู่รอด เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายสีและอุปกรณ์สักคิ้ว
กลยุทธ์ที่นำมาใช้
- มีการดีลกับร้านกาแฟข้างเคียง ในช่วงที่ร้านจัดโปรโมชั่น เช่น ลูกค้าสักคิ้วรับเครื่องดื่มเย็นฟรี 1 แก้ว ได้ที่ร้านนั้น (โดยตกลงกับทางร้านว่าเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นเอง และนำเสนอดูว่า หากร้านเราสั่งกาแฟกับเขาเป็นจำนวนหลายแก้วต่อวัน จะมีส่วนลดพิเศษหรือไม่ รวมถึงบริการเสิร์ฟถึงที่จะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร)
- ทำความรู้จักกับร้านสักคิ้วในจังหวัดอื่นๆ เพื่อทำการส่งลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาและเราไม่สามารถไปให้บริการได้ ไปให้ยังร้านพันธมิตรของเรา โดยตกลงแบ่งค่าตอบแทนในการแนะนำตามความเหมาะสม ในที่นี้หมายรวมถึงสถาบันสอนในจังหวัดต่างๆ ด้วย เพราะทางร้านเอ้ไม่ได้มีบริการรับสอนสักคิ้วค่ะ
- ดีลกับช่างทำเล็บที่สามารถให้บริการนอกสถานที่ได้ เพราะร้านเอ้มีลูกค้าที่ต้องการทำเล็บ แต่ไม่สามารถให้บริการลูกค้าในส่วนนี้ได้ ดังนั้นจึงมีบริการจัดหาให้ลูกค้าในส่วนนี้ นอกจากลูกค้าจะรู้สึกดีที่เรามีบริการหลากหลายแล้ว เรายังได้ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากช่างทำเล็บด้วยนะคะ
- รวมกลุ่มช่างสักคิ้วด้วยกัน เพื่อรวบรวมยอดสั่งซื้อในจำนวนมาก สำหรับการต่อรองราคาสินค้ากับธุรกิจที่จัดจำหน่ายสีและอุปกรณ์สักคิ้ว ซึ่งหากเราสั่งซื้อเอง และยอดต่อครั้งน้อย เราก็จะได้ราคาปลีก แต่ถ้าสั่งซื้อกับเพื่อนในจำนวนมาก เราก็ได้ราคาส่ง ซึ่งอาจจะช่วยลดต้นทุนค่าอุปกรณ์ลงไปได้อย่างคุ้มค่าค่ะ
จบไปอีก 3 หัวข้อแล้วนะคะ สำหรับบทความในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม การคิดกลยุทธ์ต่างๆ นั้น เป็นเรื่องดีค่ะ แต่หากกลยุทธ์เหล่านั้นลองนำมาปรับใช้แล้ว ไม่พบว่าเกิดประโยชน์หรือมีความคุ้มค่ามากพอ เราก็อาจจะตัดทิ้งและลองมองหาวิธีอื่นๆ ต่อไป อย่างไรเสีย การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ย่อมเกิดผลดีในทางธุรกิจมากกว่าอยู่นิ่งๆ อย่างแน่นอนค่ะ สำหรับหัวข้อเรื่องการวางแผนธุรกิจด้วย Business Model Canvaz ยังเหลือเรื่องสำคัญอีก 3 ข้อ แล้วอย่าลืมติดตามอ่านบทความในตอนที่ 3 ได้เร็วๆ นี้นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น